Banner 728x90

จำได้หรือไม่? ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญในไทยเมื่อ 4 หมอ ก่อเหตุฆาตกรรมสยอง

จำได้หรือไม่? ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญในไทยเมื่อ 4 หมอ ก่อเหตุฆาตกรรมสยอง
จำได้หรือไม่? กับอดีตคดีสุดสะเทือนขวัญ กับอาชีพที่คนไว้ใจฝากชีวิตเอาไว้มากที่สุดอย่างคุณหมอ เรามาย้อนรอยคดีฆาตกรรมสุดสยอง ที่หมอกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมกัน

จำได้หรือไม่? ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญในไทยเมื่อ 4 หมอ ก่อเหตุฆาตกรรมสยอง

หลายคนอาจลืมไปแล้ว กับอดีตคดีสุดสะเทือนขวัญ กับอาชีพที่คนไว้ใจฝากชีวิตเอาไว้มากที่สุดอย่างคุณหมอ เรามาย้อนรอยคดีฆาตกรรมสุดสยอง ที่หมอกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมกัน

1.คดีนวลฉวี



โศกนาฏกรรมความรักอันแสนลึกซึ้ง และถือว่าคดีนวลฉวีเป็นคดีแรกของประวัติศาสตร์ที่อาชีพหมอฆ่าคน ! โดยเรื่องราวของคดีนี้มีอยู่ว่า นวลฉวี พยาบาลสาวพบรักกับหมออธิป สุญาณเศรษฐกร ทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2502 แต่ไม่นาน หมออธิปก็จดทะเบียนกับหญิงสาวอีกคน ในวันที่ 17 มีนาคม 2502 ถือเป็นการจดทะเบียนซ้ำซ้อน และแม้จะจดทะเบียนสมรสแต่ก็ไม่ได้แต่งงานกับนวลฉวี และหมออธิปก็มีสาวเข้ามาพัวพันอยู่ตลอด จนทำให้นวลฉวีเกิดอาการหึงหวงเป็นอย่างมาก





โดยนวลฉวีเริ่มจับได้ว่าหมออธิปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น จึงคอยตามเฝ้าไปทุกที่แต่ก็สร้างความรำคาญให้กับหมออธิปจนวันหนึ่งนวลฉวีเริ่มถูกทำร้ายร่างกาย และ จนกระทั่งมีคนพบศพนวลฉวีที่ลอยอยู่ในน้ำ สาเหตุการตายเนื่องจากบาดแผลถูกแทงจนเลือดตกในมากและสิ้นใจก่อนถูกโยนลงน้ำ และเมื่อหมออธิปถูกจับก็ไม่ยอมรับว่าเป็นคนฆ่านวลฉวี แต่ได้ให้การว่าจ้างคนฆ่า แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป หมออธิปพ้นโทษแต่กลับป่วยหนักเพราะติดโรคมาจากในคุก ก่อนสิ้นใจหมออธิปได้เอ่ยเป็นคำสุดท้ายว่า “นวลฉวี พี่ขอโทษ พี่เป็นคนฆ่าเธอเองแหละ….”

2. คดีศยามล



หลังจากคดีนวลฉวีเวลาผ่านมากว่า 33 ปี ไม่มีใครคาคิดว่า จะเกิดคดีโศกนาฏกรรมความรักเกิดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2536 พบรถเก๋งนิสสันสีขาว หมายเลขทะเบียน ก-2344 ประจวบคีรีขันธ์ จอดอยู่ข้างถนนในเขตอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ภายในมีเสียงร้องเด็กดังออกมา เมื่อเดินไปที่รถ พบหญิงสาวคนหนึ่งเสียชีวิต บนตัวของเธอมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกอดศพร้องไห้อย่างน่าเวทนา

เหตุการณ์เริ่มจาก ศยามลขับรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ สีขาว ออกจากร้านบารมีภายในศูนย์การค้าหัวหิน คอมเพล็กซ์ โดยมีน้องอิงอิงตามไปด้วย จนปั๊มน้ำมันหนองหอย ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้า อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งขับรถปาดหน้าบังคับให้ศยามลหยุดรถ ก่อนจะกรูกันขึ้นไปบนรถของเธอ ใช้มีดและปืนจี้บังคับศยามลและน้องอิงอิงให้มานั่งเบาะหน้าคู่คนขับ



คนร้ายตรงไปนั่งเบาะหลังประกบหญิงสาวกับลูกไว้ แล้วให้คนร้ายอกีคน เป็นคนขับรถเก๋งของเธอไปยังทางเข้าหมู่บ้านหนองปลาไหล หมู่ 12 ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี สมหมาย เนียมศรี ใช้เชือกรัดคอและใช้มีดแทงศยามลอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าน้องอิงอิง ก่อนจะจับถอดเสื้อผ้าแล้วทำบางสิ่งบางอย่างอำพรางว่าเป็นการฆ่าข่มขืนชิงทรัพย์ให้เป็นไปตามคำสั่งของผู้จ้างวาน

ตำรวจได้ตั้งประเด็นฆาตกรรมไปที่อดีตสามี นายแพทย์บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์ เพราะมีความขัดแย้งกันรุนแรงในประเด็นเรื่องชู้สาว แม้จะตั้งใจอำพรางคดีว่าเป็นคดีฆ่าข่มขื่นและชิงทรัพย์ แต่แล้วก็สามารถจับกุมนายแพทย์บัณฑิต ข้อหาจ้างวานสังหาร และสามารถจับกลุ่มผู้ร่วมลงมือฆ่าศยามลสามคน ศาลฎีกายืนยันคำพิพากษาตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิตนายแพทย์บัณฑิต โฆษิตชัยวัฒน์

3.หมอเสริม และ เจนจิรา



เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2541 นายเสริม สาครราษฎร์ นศ.แพทย์ ที่เป็นแฟนกับ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาว นศ.แพทย์ชั้นปี 5 โดยแรงจูงใจที่ทำให้หมอเสริมต้องเป็นผู้ต้องหาฆาตรกรรมเกิดจากที่แฟนสาวเจนจิรา ตีตัวออกห่าง จึงวางแผนชวนมาติวหนังสือที่ห้องพักและพยายามปรับความเข้าใจกัน แต่แล้วก็ไม่เป็นผล ทำให้ใช้ปืนยิงศีรษะแฟนสาวจนเสียชีวิต จากนั้นได้ชำแหละศพ แยกชิ้นส่วนทิ้งลงชักโครก ส่วนกะโหลกศีรษะนำไปทิ้งแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต



ช่วงที่นายเสริมขอลดโทษโดยอ้างเหตุว่าตนฆ่าแฟนเพราะความรักที่ตนมี จนไม่อาจหักห้ามใจให้แฟนไปมีคนใหม่ได้ ทั้งนี้หมอเสริมได้รับการอภัยโทษถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2547 และล่าสุด ปี 2554 ได้รับพระราชทานอภัยโทษอีก 1 ใน 3 เหลือโทษ 8 ปี แต่จำคุกมาจะครบ 8 ปี ในวันที่ 18 ธันวาคม2554 กระทั่งได้รับอิสรภาพในวัย 35 ปี

4.คดีหมอวิสุทธิ์



เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545 นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ รพ.จุฬาฯ ได้ก่อคดีฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ แพทย์ รพ.รถไฟ ซึ่งเป็นภรรยาตนเอง โดยคดีเกิดจากที่หมอวิสุทธ์อำพรางให้หมอผัสพรหายตัวไป อย่างปริศนา จุดเริ่มจากวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2544 หมอวิสุทธิ์เข้าแจ้งความกับตำรวจสน.พญาไท ว่า พ.ญ.ผัสพร หายตัวไป แต่จากนั้นไม่นาน ก็เข้าพบตำรวจอีกครั้งระบุว่าเจอตัวแล้ว อ้างว่ามีจดหมายตัวพิมพ์ข้อความจากพ.ญ.ผัสพร ส่งมาที่ทำงานและส่งให้ลูก ๆ ว่าไปนั่งวิปัสสนาต่าวจังหวัดเป็นเวลา 15 วัน



แต่แล้วเมื่อครบวันลา หมอผัสพรก็ไม่ปรากฎตัว ญาติจึงคิดว่าอาจเกิดเหตุร้ายโดยพุ่งเป้าไปที่ หมอวิสุทธิ์ เพราะกำลังมีปัญหากัน ถึงขั้นฟ้องหย่าแต่หมอผัสพรไม่ยอม ตนกระทั่งได้เบาะแสว่า ก่อนหมอผัสพรจะหายตัวไปได้ออกไปกับสามีหรือหมอวิสุทธิ์ ที่ห้างเซนทรัลเวิล์ด โดยได้มารับประทานอาหารด้วยกันที่ร้านโออิชิ ขากลับพนักงานในร้านพบว่า หมอผัสพรมีอาการมึนเมา โดยหมอวิสุทธิ์อ้างว่า เมาน้ำพันช์ในร้านทั้งที่น้ำพันช์ไม่ได้ผสมแอลกอฮอล์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ในวันเดียวกัน หมอวิสุทธิ์ไปเปิดห้องพักที่อาคารวิทยนิเวศ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันรุ่งขึ้นก็ย้ายไปพักที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ซึ่งจองเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2544 หรือก่อนเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ หลักฐานสำคัญอีกหนึ่งคือจดหมายลางาน ตำรวจพบพยานเป็นร้านรับพิมพ์ระบุว่า หมอวิสุทธิ์มาจ้างให้พิมพ์ข้อความทั้งหมด นอกจากนี้พบอีกว่าวันที่พ.ญ.ผัสพรหายตัวไป หมอวิสุทธิ์ไปซื้อหาถุงขยะสีดำขนาดใหญ่ ก้อนดับกลิ่น และกระดาษทิชชู่ จำนวนมากผิดปกติ อีกทั้งก่อนเกิดเหตุ 2 เดือน หมอวิสุทธิ์สั่งยานอนหลับชนิดร้ายแรงยี่ห้อโดมิคุ่ม อ้างว่าให้แม่ แต่ตามประวัติไม่พบว่าแม่ของหมอวิสุทธิ์ใช้ยาชนิดนี้



เมื่อได้หลักฐานระดับหนึ่งตำรวจเข้าตรวจค้นห้องพักในอาคารวิทยนิเวศ พบคราบเลือดจำนวนมากในห้องพัก จึงดูดบ่อเกรอะขึ้นมาตรวจสอบ พบชิ้นเนื้อมนุษย์จำนวนมาก เช่นเดียวกับที่โรงแรมโซฟิเทล ก็พบชิ้นเนื้ออีกส่วนหนึ่ง แพทย์ตรวจสอบแล้วมีดีเอ็นเอตรงกับพ.ญ.ผัสพร ทำให้หมอวิสุทธิ์ถูกดำเนินคดีข้อหาฆาตกรรม

ข่าวที่มา : boxza

Tag : Hot
0 Comment "จำได้หรือไม่? ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญในไทยเมื่อ 4 หมอ ก่อเหตุฆาตกรรมสยอง"

Back To Top